ตาวัย 72 ร้องสายไหมต้องรอด ถูกลูกชายทำร้ายนาน 10 ปี ตำรวจเคยจับไปขัง 2 ปล่อยออกมาก็โดนทำร้ายซ้ำ
นนี้ 21 ม.ค. 2567 เวลา 14:00 น. นายวิเชฐ ฤดีนิรนาม อายุ 72 ปี เดินทางมาขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ เนื่องจากถูกลูกชายเมายาทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บเป็นประจำ ตำรวจเคยจับไปขัง 2 วันก็ปล่อยกลับมา และกลับมาทำร้ายซ้ำอีก
นายบุญชัย ฤดีนิรนาม อายุ 36 น้องชาย ระบุว่า ทางผู้ก่อเหตุติดยา และติดสุราเป็นอย่างมาก หลังจากดื่มสุราแล้วจะมีการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายคนในบ้านตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในบ้านเองจะมีแต่ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ภายในบ้าน จึงไม่สามารถห้ามปราม หรือหยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้ทุกครั้ง ซึ่งคนในบ้านเองเอือมกับพฤติกรรมแบบนี้ ถึงขั้นมีการคัดชื่อออกจากทะเบียนบ้าน และเช่าห้องให้ผู้ก่อเหตุอยู่แยกกับที่บ้าน เพื่อจะป้องกันเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้ทำงาน และไม่มีเงิน จึงแวะเวียนมาที่บ้านบ่อยครั้ง ซึ่งที่บ้านเปิดเป็นร้านขายของชำ จึงไม่สามารถปิดบ้านหนีได้ จึงต้องยอมให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาบ่อยครั้ง และทุกครั้งที่เข้ามาในบ้าน จะมีการทำร้ายร่างกายพ่อ อายุ 72 ปี และพี่สาว ในการชก ต่อย ที่บริเวณใบหน้า และศรีษะ มีการแจ้งความนับไม่ถ้วน ล่าสุดผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายพี่สาวด้วยการทุบที่ศรีษะ แต่พ่อเข้ามาเห็นจึงเข้าไปห้าม และโดนผลักไปโดนชั้นวางของจนเกิดแผลที่บริเวณแขนด้านซ้าย ตำรวจมีการคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้เพียง 48 ชั่วโมง ก่อนปล่อยออกมาใช้ชีวิตปกติ และปัจจุบันผู้ก่อเหตุยังคงวนเวียนอยู่ที่บ้าน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกินเยียวยา ที่บ้านก็ทำได้เพียงแจ้งความเป็นครั้งๆไป
// ปล่อยเสียง //
ทางด้านพี่สาวเอง น.ส.น้ำทิพย์ ฤดีนิรนาม อายุ 39 ปี ระบุว่า ทางบ้านเคยแจ้งไปบังศูนย์ดำรงธรรม เพื่อจะส่งตัวไปบำบัด มมีเจ้าหน้าที่มาเจรจาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ซึ่งเวลาแจ้งความ ผู้ก่อเหตุจะบอกว่า ไม่กลัวกฎหมาย อยากแจ้งตำรวจแจ้งเลย ไม่กลัวตำรวจ ซึ่งที่บ้านเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้เพียงแจ้งความเป็นครั้งๆไป สุดทเายก็ถูกปล่อยตัวออกมาอยู่ดี
ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ระบุว่า จะช่วยติดต่อทาง สน.วัดพระยาไกร เพื่อพูดคุยกับตำรวจ เพราะเคสนี้ค่อนข้างหนักเนื่องจากผู้ก่อเหตุถูกแจ้งความหลายครั้ง แต่ทุกครั้งตำรวจบอกให้ไกล่เกลี่ยกัน ไม่มีการดำเนินคดี ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ควรจะมีการฝากขังได้แล้ว เพราะเป็นพฤติกรรมซ้ำซาก